Last updated: 31 ก.ค. 2568 | 29 จำนวนผู้เข้าชม |
ในยุคที่ชีวิตเต็มไปด้วยงานและสิ่งรบกวนรอบตัว การทำให้ตัวเองมีประสิทธิภาพ (Productive) พร้อมรักษาสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว (Work-Life Balance) ถือเป็นทักษะสำคัญที่ทุกคนควรฝึกฝน S-MILES Group ได้นำบทความนี้มาแชร์ 5 วิธีที่จะช่วยเติมไฟให้คุณกลับมามีแรงบันดาลใจ พร้อมทำงานได้ดีกว่าที่เคย โดยอิงตามหลักการและเทคนิคที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถนำไปใช้ได้จริง
การจดสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายแต่ได้ผลมากที่สุด เพราะจะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของงาน รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง และสามารถจัดลำดับความสำคัญได้อย่างมีระบบ การทำ To-Do List ยังช่วยให้คุณได้เช็กตัวเองก่อนเริ่มงาน และรู้สึกพึงพอใจเมื่อได้ติ๊กงานที่เสร็จแล้วออกจากลิสต์
เทคนิค 3-3-3 Method ซึ่งคิดค้นโดย Oliver Burkeman เป็นวิธีบริหารเวลาที่แบ่งวันทำงานออกเป็น 3 ช่วงใหญ่ ได้แก่
การแบ่งเวลาแบบนี้ทำให้คุณเห็นภาพรวมชัดเจน ลดความรู้สึกว่างานกระจัดกระจาย และช่วยป้องกันภาวะ Burnout ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในยุคดิจิทัล สมาธิของเราถูกดึงออกไปจากการแจ้งเตือนตลอดเวลา ลองทำ Social Detox ด้วยการปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น จัดโหมดมือถือเป็น “โหมดทำงาน” และหลีกเลี่ยงการหยิบโทรศัพท์มาดูบ่อย ๆ จะช่วยให้คุณโฟกัสกับงานได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
Pomodoro Technique เป็นวิธีการแบ่งเวลาทำงานที่ช่วยให้สมองโฟกัสได้เต็มที่โดยทำงาน 25 นาที แล้วพัก 5 นาที และเมื่อทำครบ 4 รอบ ให้พักยาว 15-30 นาที การทำงานแบบนี้จะช่วยให้คุณไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป และยังมีสมาธิตลอดทั้งวัน รวมถึงอย่าลืมดูแลตัวเองเพราะประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเริ่มจากร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง มีพลังงานพร้อมทำงานในทุกวัน
การสภาพแวดล้อมส่งผลต่อประสิทธิภาพงานอย่างมาก แนะนำให้ลองจัดโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบ ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม เปิดเพลงคลอเบา ๆ หรือเปลี่ยนสถานที่ทำงานบ้าง เพื่อให้สมองได้รับแรงบันดาลใจใหม่ ๆ
สรุป
การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่เรื่องของการทำงานหนักเพียงอย่างเดียว แต่คือการจัดสรรเวลา ลดสิ่งรบกวน ดูแลตัวเอง และสร้างสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงาน เมื่อคุณทำ 5 วิธีนี้อย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงช่วยให้คุณทำงานได้ดีขึ้น แต่ยังทำให้ชีวิตมีความสุขและสมดุลมากกว่าเดิม